Suzann Pettersen จะนำทีมยุโรปลุยศึก Solheim Cup เป็นครั้งแรกที่ประเทศสเปน พร้อมตั้งเป้าคว้าแชมป์แห่งศักดิ์ศรีจากรายการนี้ให้ได้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งแม้ทาง Pettersen เองก็ไม่มั่นใจว่าจะทำได้หรือไม่ แต่เธอก็มั่นใจว่าเธอมีทีมที่แข็งแกร่ง
“ถ้าดูตามหน้าเสื่อแล้วเรามี 8 ผู้เล่นตัวจริงที่แข็งแกร่งมาก ฉันว่านี่อาจจะถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ 8 ผู้เล่นของเราติดท็อป 35 ของโลกด้วยซ้ำ” Pettersen กล่าวถึง 8 ลูกทีมที่ผ่านการคัดเลือกโดยอัตโนมัติ
แต่มันก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะ 8 ผู้เล่นของ Pettersen นั้นติดท็อป 40 ของโลกบนอันดับ Rolex Women’s World Golf Rankings
แม้ว่า 11 ครั้งแรกของศึก Solheim Cup จะเป็นทางด้านทีมยุโรปที่พ่ายให้กับทีมสหรัฐฯ ไปถึง 8 ครั้ง แต่ 2 ครั้งหลังสุดก็เป็นทางด้าทีมยุโรปที่เป็นฝ่ายคว้าชัย และในครั้งนี้ทีมยุโรปก็จะได้เปรียบจากการได้ลงแข่งบนแผ่นดินในทวีปยุโรปอย่างประเทศสเปนอีกด้วย
แต่หากดูตามหน้าเสื่อแล้ว อาจจะดูเหมือนว่าทีมยุโรปจะเป็นมวยรองอยู่เล็กน้อยเนื่องจากผู้เล่นของทีมสหรัฐฯ โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่อันดับ 25 ของโลกเมื่อเทียบกับผู้เล่นที่อันดับโลกต่ำสุดในทีมอย่าง Cheyenne Knight ที่ตอนนี้รั้งอยู่ที่อันดับราว 50 ของโลก ขณะที่ทางฝั่งทีมยุโรปนั้นต้องบอกว่ามีมากกว่า 1 คนที่อันดับอยู่ต่ำกว่าท็อป 100 ของโลก ซึ่งรวมถึง ตัวเลือกจากักปตันอย่าง Caroline Hedwall ที่ไม่ติดอันดับ 120 ของโลกด้วยซ้ำ
แต่หากใครที่ได้เคยติดตามศึกแห่งศักดิ์ศรีอย่าง Solheim Cup ก็จะทราบดีว่าอันดับโลกหรือผลงานล่าสุดนั้นแทบไม่ส่งผลกับการแข่งขันในรายการนี้ และอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะมองว่าทีมยุโรปเป็นมวยรองบ่อนหลังจากทีมยุโรปก็เป็นฝ่ายคว้าชัยเหนือฝั่งสหรัฐฯ ไปถึง 4 จาก 6 ครั้งหลังสุด
สำหรับทีมยุโรปในปีนี้จะมีถึง 9 คนที่ได้กลับมาร่วมลงแข่งอีกครั้ง โดยทั้งทีมรวมกันคว้าแชมป์ทั่วโลกรวม 8 รายการ และมี 3 คนที่เคยคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ได้ในปีที่แล้ว นอกจากนั้นทั้งทีมรวมกันได้เคยลงแข่งในศึก Solheim Cup ถึง 31 แมตช์ ซึ่งมีถึง 7 ครั้งที่เป็นฝ่ายชนะ ยิ่งไปกว่านั้นคือมีสมาชิกถึง 3 คนที่ไม่เคยพ่ายแพ้ในการลงเล่นศึกนี้เลย
ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ จะมี 7 คนที่กลับมาลงแข่งอีกครั้ง โดยทั้งทีมรวมกันคว้าแชมป์ทั้วโลกรวม 8 รายการในปี 2023 และมีถึง 6 คนที่เป็นแชมป์รายการเมเจอร์ นอกจากนั้นทั้งทีมรวมกันได้เคยลงแข่งในศึก Solheim Cup ถึง 17 แมตช์ ซึ่งมีถึง 10 ครั้งที่เป็นฝ่ายชนะ
ในส่วนของการวางหมากจัดตัวผู้เล่นนั้น ทางด้านกัปตันฝั่งยุโรปอย่าง Pettersen ก็จะใช้ความรู้สึกเป็นหลัก อย่างเช่นที่เธอเคยทำมาตลอดบนเส้นทางการเป็นนักกอล์ฟของตัวเอง โดยการตัดสินใจของเธอนั้นจะปล่อยให้เหมาะสมกับสถานการณ์และจะไม่มีการบังคับใดๆ ในตัวลูกทีม
ขณะที่ Stacy Lewis ก็ได้ออกมาเผยว่าตัวเองก็มีการขอคำแนะนำกับทางด้าน KPMG ทั้งการวางหมากจัดตัวผู้เล่นและการวิเคราะห์ผู้เล่นในทีม รวมถึงการจับคู่ผู้เล่นในระหว่างแมตช์อีกด้วย
แม้ว่าทั้ง Lewis และ Pettersen ต่างก็เคยคว้าแชมป์รายการเมเจอร์และเคยขึ้นรั้งอันดับ 1 และ 2 ของโลกมาก่อน แต่ด้วยฝั่งทีมยุโรปที่ได้แม่ทัพกุมบังเหียนที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีมอย่าง Pettersen ที่เคยลงแข่งในศึกนี้มาถึง 9 ครั้งและทำสถิติในศึกดังกล่าวไว้ด้วยสกอร์ 18-12-6 มันจึงไม่แปลกเลยว่าทำไมทีมยุโรปจึงอาจกลายเป็นฝั่งที่ถือไพ่เหนือกว่าในศึกครั้งนี้
แต่แม้ทีมยุโรปจะดูมีโมเมนตัมที่เหนือกว่าและได้แข่งบนแผ่นดินของตัวเอง แต่ก็เป็นทีมฝั่งสหรัฐฯ ทีมข้อมูลผู้เล่นโดยรวมที่ยังดูเหนือกว่า นอกจากนั้นทีมสหรัฐฯ ยังเคยคว้าแชมป์นอกบ้านของตัวเองมาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยครั้งหลังสุดคือปี 2015 ที่เป็นฝั่งสหรัฐฯ พลิกกลับขึ้นมาคว้าชัยชนะได้ที่ประเทศเยอรมนี
ฉะนั้นก็คงบอกได้ยากว่าฝั่งทีมยุโรปหรือทีมสหรัฐฯ ที่เป็นมวยต่อหรือมวยรองบ่อน แต่ที่แน่ๆ คือทีมยุโรปในปีนี้จะประมาทไม่ได้อย่างแน่นอน แม้ว่าความกดดันในการคว้าชัยชนะเป็นสมัยที่ 3 จะค้ำคออยู่ก็ตาม
