เนื่องจาก PGA Tour กลับไปใช้กำหนดการแบบปีปฐิทิน ดังนั้นทัวร์นาเมนต์ที่ตามหลัง TOUR Championship ก็จะมีความสำคัญครั้งใหม่ ซึ่ง FedExCup Fall จะมอบดราม่าและความสนุกมากกว่าที่เคยด้วยผู้เล่นที่แข่งขันกันโดยมีสถานะใน PGA Tour เป็นเดิมพัน
ผู้ชนะทัวร์นาเมนต์ใน FedExCup Fall จะได้รับสิทธิประโยชน์แบบเดียวกับฤดูกาลปกติ รวมถึงการยกเว้น 2 ปีใน PGA Tour คะแนน FedExCup 500 แต้ม ที่นั่งใน The Players, The Sentry และเมเจอร์ที่จะเชิญผู้ชนะใน PGA Tour มาเข้าร่วม
หลังจากบทสรุปของ FedExCup Playoffs ผู้เล่นที่อยู่ในอันดับ 51 ขึ้นไปจะต้องมาแข่งขันต่อเพื่อคะแนนในฤดูใบไม้ร่วง พวกเขาจะเริ่มฤดูใบไม้ร่วงด้วยคะแนนทั้งหมดที่ได้รับในฤดูกาลปกติและ FedExCup Playoffs รายการแรก
นอกจากนี้ 10 อันดับแรกในตารางคะแนนหลังจบ FedExCup Fall ที่ยังไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมรายการที่กำหนดจะได้เข้าสู่ 2 รายการที่กำหนดหลังเปิดฤดูกาลตตตามรายการ The Sentry ทำให้ผู้เล่นที่มาแรงได้ออกมาจาก FedExCup Fall และทดสอบทักษะของตัวเองกับผู้เล่นเก่งๆ
อันดับที่ 51-70 ใน FedExCup ตอนเริ่มฤดูใบไม้ร่วงจะได้คว้าที่นั่ง 125 อันดับแรกในปีต่อไปแล้วแต่ยังแข่งขันเพื่อชิงที่นั่งใน 2 รายการที่กำหนดตาม The Sentry ได้
อันดับที่ 71 ขึ้นไปสามารถได้ที่นั่ง 1 ใน 10 ที่นั่งในรายการที่กำหนดแต่พวกเขาต้องแข่งขันกันเพื่อจบในท็อป 125 หลังจากจบฤดูใบไม้ร่วง
หลังจากจบ FedExCup Fall อันดับที่ 126-150 ในตารางคะแนนจะได้สถานะแบบมีเงื่อนไขสำหรับ PGA Tour ฤดูกาล 2024
ผู้เล่นทุกคนที่ไม่ได้อยู่ในท็อป 125 สามารถปรับปรุงหรือฟื้นสถานะได้ผ่าน PGA Tour Q-School สนับสนุนโดย Korn Ferry
และผู้เล่นที่อยู่ในท็อป 50 ของ FedExCup หลังจาก TOUR Championship จะการันตีสิทธิ์ท็อป 125 และที่นั่งในรายการที่กำหนดทั้งหมดของฤดูกาลถัดไป แต่พวกเขายังสามารถเล่นใน FedExCup Fall ได้เพื่อชิงถ้วยรางวัลหรือเล่นในรายการที่ชื่นชอบของพวกเขาและรับสิทธิพิเศษเช่นคะแนน Official World Golf Ranking ได้