ผลลัพธ์สุดท้าย
แม้ทีมยุโรปจะไม่พ่ายในการแข่งศึก Ryder Cup มาแผ่นดินของตัวเองมาตั้งแต่ปี 1993 แต่ถึงอย่างนั้นทีมสหรัฐฯ ก็ยังดูเป็นต่อเล็กน้อยหากดูตามหน้าเสื่อ และจริงอยู่ที่ทีมสหรัฐฯ จะเอาชนะไปถึง 19-9 ในการแข่งครั้งล่าสุดที่ทั้ง 2 ทีมเจอกันที่ Whistling Straits ในรัฐวิสคอนซิน แต่ก็มีผู้เล่นถึง 5 คนจากทีมในชุดนั้นที่ไม่ได้ร่วมลงแข่งในครั้งนี้
แต่ด้วยข้อได้เปรียบจากการแข่งในบ้านของทีมยุโรปและฟอร์มของผู้เล่นหลายๆ คนในตอนนี้จึงส่งผลให้ทีมยุโรปก็ไม่เป็นรองมากมายซะทีเดียว
และถึงแม้ 3 จาก 4 ครั้งหลังสุดที่ทางฝั่งยุโรปคว้าชัยได้ในแผ่นดินของตัวเองจะเป็นการเอาชนะแบบขาดลอย อาทิ 17.5-10.5 เมื่อปี 2018, 16.5-11.5 เมื่อปี 2014 และ 18.5-9.5 เมื่อปี 2006 แต่ก็มีโอกาสสูงที่ผลลัพธ์ในครั้งนี้จะออกมาใกล้เคียงกับปี 2010 ที่สกอร์ 14.5-13.5
ตัวผู้เล่นหลักในการทำแต้ม
เมื่อพูดถึงตัวผู้เล่นหลักในการทำแต้ม เราก็ต้องคำนึงถึงคุณภาพและปริมาณที่ตัวผู้เล่นนั้นๆ จะได้ลงเล่นเช่นกัน เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้เล่นที่ได้ลงแข่งมากกว่าก็มีโอกาสสูงกว่าที่จะเก็บแต้มได้เยอะ
ซึ่งแน่นอนว่าตัวผู้เล่นหลักที่จะคาดหวังในการเก็บแต้มได้ก็คงไม่พ้น Rory McIlroy, Jon Rahm และแชมป์ FedExCup อย่าง Viktor Hovland ที่จะนำทัพตัวผู้เล่นหลักในการเก็บแต้มของทีม
ฟอร์มการเล่นถือว่าสำคัญมากกับการแข่งขันนี้ ซึ่ง Hovland เองก็ถือว่าเป็นผู้เล่นที่ตอนนี้มีฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงมากที่สุดคนนึงหลังคว้าชัยชนะจากการแข่ง FedExCup มาได้
รุคกี้ตัวจี๊ดจากทีมยุโรป
ในครั้งนี้เราจะได้พบกับ 4 ผู้เล่นหน้าใหม่ในทีมยุโรป นั่นก็คือ Ludvig Aberg, Nicolai Hojgaard, Sepp Straka และ Robert Macintyre ซึ่งแต่ละคนก็ต้องทำตามหน้าที่ของตัวเองให้ดีหากหวังที่จะป้องกันแชมป์จากการแข่งในบ้านได้สำเร็จ
แม้ว่าทางด้าน Aberg จะโชว์ฟอร์มสุดเจ๋งด้วยการคว้าแชมป์จาก DP World Tour มาได้ แต่สิ่งนึงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในการแข่งศึกแห่งศักดิ์ศรีครั้งนี้ก็คือความเครียดและความประหม่า ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะต้องเจอ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมี Straka โปรหนุ่มชาวออสเตรียมที่เพิ่งคว้าแชมป์ที่ 2 ให้กับตัวเองได้ใน PGA Tour และเขายังจบอันดับ 2 ได้จากรายการ The Open Championship ได้อีกด้วย